สมาชิกกอช. เฮ !เตรียมเพิ่มเงินสมทบ เป็น 2,500 บาทต่อปีทุกกลุ่ม

สมาชิกกอช. เฮ !เตรียมเพิ่มเงินสมทบ เป็น 2,500 บาทต่อปีทุกกลุ่ม

S! Money

สนับสนุนเนื้อหา

กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ . แจงการจ่ายเงินสมทบให้สมาชิก กอช. เป็นไปตามกฎหมาย โดยจ่ายเข้าบัญชีสมาชิกทันทีภายในเดือนถัดไป หลังจากสมาชิกส่งเงินออมเข้ากองทุน แต่จะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ออมและอายุสมาชิก เตรียมแก้ไขกฎหมายเพิ่มเงินสมทบ เป็น 2,500 บาทต่อปีทุกกลุ่ม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมมากขึ้น วางเป้าเพิ่มสมาชิกขึ้นเป็น 1 ล้านรายในปี 2560

 

นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ชี้แจงถึงวิธีการจ่ายเงินสมทบแก่สมาชิก กอช. ว่า รัฐบาลได้จ่ายเงินสมทบ สำหรับแรงงานนอกระบบที่สมัครสมาชิกและมีการส่งเงินสะสมหรือเงินออมเข้ากองทุนซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยการจ่ายเข้าบัญชี กอช. ของสมาชิกภายในเดือนถัดไปหลังจากที่สมาชิกส่งเงิน และที่ผ่านมาไม่เคยมีการค้างจ่ายสมทบ เป็นการที่รัฐมอบประโยชน์เป็นเงินออมแก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระทั้งหลายที่ไม่มีนายจ้างมาดูแลและเข้าไม่ถึงสวัสดิการบำนาญชราภาพรูปแบบอื่น ซึ่งเงินสมทบที่ได้จากรัฐบาลนี้จะอยู่ในบัญชีเงินออมของสมาชิกแต่ละคน ไปจนถึงวันที่สิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่ออายุ 60 ปี จากนั้น กอช. จะเริ่มจ่ายเงินออมคืนให้สมาชิกเป็นรายเดือนพร้อมกับเงินสมทบและดอกผลจากการลงทุน

 

ทั้งนี้ อัตราเงินสมทบที่สมาชิก กอช. ได้รับจะมีอัตราไม่เท่ากันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้

– สมาชิกอายุ 15-30 ปี รับเงินสมทบ 50% ของเงินออมที่ส่งแต่ละครั้ง แต่รวมทั้งปีรัฐสมทบให้ไม่เกิน 600 บาท

– สมาชิกอายุ 30 ปีขึ้นไปถึง 50 ปี รับเงินสมทบ 80% ของเงินออมทีส่งแต่ละครั้ง แต่รวมทั้งปีรัฐสมทบให้ไม่เกิน 960 บาท

– สมาชิกอายุ 50 ปีขึ้นไป รับเงินสมทบ 100% ของเงินออมสมาชิกแต่ละครั้ง แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

 

“แต่เพื่อให้เงินออมเพื่อชีวิตยามชราภาพของสมาชิกมีการเติบโตเพิ่มจำนวนรวดเร็วมากขึ้น ให้สมาชิกมีโอกาสได้รับ ‘บำนาญตลอดชีวิต’ ง่ายมากขึ้นด้วย  กอช. จึงอยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการแก้ไขกฎหมาย ขอรัฐบาลปรับขึ้นอัตราการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งจะเป็นการผลักดันขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการออมภาคประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่สังคมสูงวัยให้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้ต่อไป” นายสมพร กล่าว

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กอช. ล่าสุดยังเห็นชอบตามข้อเสนอเรื่องการเพิ่มเงินสมทบเป็นตัวเลขเดียวคือ 2,500 บาทต่อปี เท่ากันหมดทุกกลุ่มเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนอยากออม และแก้ปัญหาการจ่ายเงินสมทบที่ยากต่อการทำความเข้าใจ

 

โดยภาพรวมของการใช้งบประมาณกรณีที่เพิ่มเงินสมทบเป็น 2,500 บาทต่อปี ถ้าคิดจากฐานสมาชิกที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1 ล้านราย เท่ากับรัฐต้องจ่ายเงินสมทบเป็นปีละ 2.5 พันล้านบาท เทียบจากปี 2559 ที่ใช้รูปแบบการจ่ายสมทบปัจจุบัน รัฐต้องจ่ายเงินสมทบราว 600-700 ล้านบาท

 

สำหรับสัดส่วนการสมทบจากภาครัฐตามสัดส่วนอายุยังคงมีการกำหนดไว้ โดยมีเงื่อนไขยอดการออมเพื่อจะได้รับเงินสมทบเต็มจำนวน 2,500 บาทต่อปี ยกตัวอย่าง

ผู้ที่มีอายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ดังนั้นถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2,500 บาท จะต้องออมไม่น้อยกว่า 5,000 บาท

ผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2,500 บาท จะต้องออมอย่างน้อย 3,125 บาท และ

ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปรัฐสมทบให้  100%  ถ้าอยากได้เงินสมทบจากรัฐ 2,500 บาท จะต้องออมอย่างน้อย 2,500 บาท

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการ กอช. ยังเห็นชอบเรื่องการแก้เพดานการออมจากไม่เกินปี 1.32 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 3 หมื่นบาท เพื่อผู้ออมมีเงินไว้ใช้มากพอหลังเกษียณอายุ โดยข้อเสนอทั้งหมดนี้ กอช. จะต้องนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาเพื่อเสนอให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะมีการประกาศปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่