ชี้เป้า! เทรนด์ธุรกิจมาแรง ทำเงิน “ปีระกา”

ชี้เป้า! เทรนด์ธุรกิจมาแรง ทำเงิน “ปีระกา”

ชี้เป้า! เทรนด์ธุรกิจมาแรง ทำเงิน “ปีระกา”

ชี้เป้า! เทรนด์ธุรกิจมาแรง ทำเงิน “ปีระกา”

Spring News

สนับสนุนเนื้อหา

ย่างเข้าสู่ปี 2560 หลายคนมองหาอาชีพเสริม อาชีพใหม่ ที่มีโอกาสทางการเติบโตและสามารถสร้างรายได้มากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาหลายกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตลดน้อยลง สินค้าบางรายการหายไปจากท้องตลาด ฉบับนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” รวบรวมกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตดี รวมถึงกลุ่มอาชีพที่มีโอกาสทางการเติบโตถดถอยจากปัจจัยลบด้านต่างๆในปีหน้าเพื่อเป็นข้อมูลก่อนการตัดสินใจเดินหน้าลงทุน
ธุรกิจความงามทำไงก็รุ่ง

เริ่มต้นธุรกิจดาวเด่นที่น่าลงทุนสุดๆ เห็นจะหนีไม่พ้น กลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) ตั้งแต่คลินิกความงามขนาดเล็กยันใหญ่บึ้ม , ร้านเครื่องสำอางทั้งแบรนด์ดัง แบรนด์ไม่ดัง และครีมบำรุงผิว ฯลฯ ถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มธุรกิจทำเงินทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าจะปีไหน น้ำท่วม ภัยแล้ง หนุ่ม-สาวไทยไม่เคยหยุดสวย อีกทั้งยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ ทั้งกระแสรักษ์สุขภาพ ฝีมือหมอไทยที่ขึ้นชื่อว่า ถูกและดี มีเทคโนโลยีทันสมัยด้วยแล้ว จึงเป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านในย่าน CLMV ที่เป็นเมมเบอร์ของโรงพยาบาลดังๆ เพียบ

อย่างไรก็ดีแม้จะติดโผอันดับ 1 อาชีพน่าทำ ทว่าก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของมาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์การให้บริการต่างๆที่ต้องระวัง,ทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและปัญหาขาดแคลนบุคลากรทั้งแพทย์และพยาบาล ส่งผลกระทบต่องานบริการ ,การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับอนุญาต และสุดท้ายผลิตภัณฑ์มีการลอกเลียนแบบได้ง่าย ทั้งวัตถุดิบ และยี่ห้อที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกซื้อสินค้า
อี-คอมเมิร์ซแรงดีไม่มีตก

ธุรกิจที่น่าลงทุน อันดับ 2 ได้แก่ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการรับชำระค่าบริการ (Payment) ถือเป็นธุรกิจที่ยังมาแรง และเป็นที่ต้องการของลูกค้า สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เห็นได้จากการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่โตวัน โตคืน ขณะที่การเข้ามาของแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนโปรโมชันลด แลก แจก แถม กลายเป็นตัวชูโรงสำคัญ เรียกลูกค้าให้เข้ามาทดลองใช้ ยิ่งได้รับการแรงหนุนจากนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยเติบโต

แต่ปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ก็ยังคงเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือของร้านค้าและการนำส่งสินค้าหากเป็นผู้เล่นหน้าใหม่และรายเล็ก รวมถึงเรื่องของข้อจำกัดในการเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตของผู้บริโภคบางกลุ่มโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต

เมกะโปรเจ็กต์ดันรับเหมา/โลจิสติกส์โต

ปิดท้ายกับกลุ่มอาชีพที่น่าสนใจอันดับ 3 กับกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง,วัสดุก่อสร้าง และโลจิสติกส์ ที่ต่างได้รับอานิสงค์จากเม็ดเงินของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ที่จะเทงบลงอีกกว่า 2 แสนล้านบาทในการก่อสร้างโครงการรถไฟรางคู่ , โครงการมอเตอร์เวย์ นั้นจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง โลจิสติกส์ ที่จะกลับมาโดดเด่นมากยิ่งขึ้นปีหน้า

ขณะที่สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อธุรกิจมีการเติบโตสูงแนวโน้มการแข่งขันก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งในเรื่องของราคา คู่แข่ง และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยิ่งจะส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามไปด้วย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวให้ทันท่วงทีเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
OEM/ สิ่งพิมพ์ ต้องเฝ้าระวัง

ส่วนธุรกิจที่ควรลงทุนให้น้อยในปี 2560 อันดับ 1ได้แก่กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ที่ต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตและค่าจ้างแรงงานที่สูง ขณะที่ถูกกดดันเรื่องของราคา ซึ่งนอกจากจะทำให้กำไรน้อย ยังจะส่งผลต่อคุณภาพของสินค้า ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการสามารถทำได้ในปีหน้าคือ การพัฒนาแบรนด์ของตนเองขึ้นมารองรับ พร้อมกับสร้างอัตลักษณ์ ควบคู่ไปกับการทำตลาดผ่านกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ ลดช่องว่างในการจำหน่ายสินค้าออกไประเป็นการป้องกันปัญหาการกดราคาสินค้าจากผู้รับจ้างผลิต

อีกกลุ่มธุรกิจที่ยังต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่เชื่อว่ายังเลือดไหลไม่หยุด ทั้งสื่อนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ถือเป็นที่น่าใจหายอย่างมากหลังจากที่ในปี 2559 นิตยสารชั้นนำทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นปีแห่งขาลงของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ดังนั้นผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หันไปเสพข่าวสารข้อมูลจากโลกออนไลน์มากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 1 – 4 มกราคม 2560