เชื่อว่าแทบทุกคน ต้องเคยใช้บัตรเครดิต ผ่อนสินค้า 0% แน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ แล้วคุณเคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่า สถาบันทางการเงินได้อะไรตอบแทนจากการ ผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ ของคุณ เพราะคุณผ่อนแบบไม่เสียดอกเบี้ยสักบาทเลย หากคุณสามารถจ่ายค่าผ่อนชำระได้ตรงเวลา และชำระยอดเงินตามที่กำหนดไว้ต่อเดือนจนครบ ดังนั้นสิ่งที่หลายคนคิดก็คือว่าสถาบันการเงินได้อะไรจากการ ผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ ทำไมถึงทำโปรโมชั่นแบบนี้ วันนี้ MoneyGuru.co.th มีคำตอบค่ะ
สถาบันการเงินได้อะไรจากการ ผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์
ห้างจะจับมือกับสถาบันทางการเงิน โดยส่วนใหญ่หากเป็นสินค้าที่มีการผ่อนแบบเสียดอกเบี้ย สถาบันทางการเงินจะเป็นคนออกสินเชื่อสินค้านั้นก่อน และนำดอกเบี้ยที่ได้รับมาไปแบ่งสันปันส่วนกับห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ
แต่ในกรณีผ่อนสินค้าที่ไม่มีดอกเบี้ย หรือผ่อน 0% หากมองในแง่ของภาวะทางจิตใจของผู้ใช้บัตรเครดิต การผ่อน 0% นั้นจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการซื้อได้ง่ายขึ้น ถึงแม้จะไม่เสียดอกเบี้ยก็ตาม อย่างไรก็ตาม การผ่อนสินค้า 0% นั้นจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับห้าง ซึ่งในขณะเดียวกันการผ่อน 0% สำหรับสินค้าที่มีระยะเวลาการผ่อนอยู่ที่ 6-12 เดือน ย่อมเป็นการการันตีไปแล้วว่าคุณจะได้ใช้บัตรเครดิตแน่นอน และจะต้องทำธุรกรรมทางการเงินโดยการผ่อนยอดใช้จ่ายในบัตรเครดิตใบที่ใช้ผ่อนสินค้านั้นไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งนี่อาจเป็นกับดักหนึ่งทางที่สามารถล่อให้คุณเป็นหนี้ในอนาคต
กับดักของการ ผ่อน 0%
นอกจากการผ่อนสินค้า 0% แล้ว ยังมีข้อเสนอ 0% อีกมากมายสำหรับบัตรเครดิตของสถาบันทางการเงินต่าง ๆ อาทิ ดอกเบี้ย 0% แบบมีเงื่อนไข เช่น ดอกเบี้ย 0% เฉพาะ 3 เดือนแรก ซึ่งถ้าคุณซื้อสินค้าเงินผ่อน หรือกู้เงินซื้อบ้านที่มีโปรโมชั่นแบบนี้ จะทำให้ผ่อนด้วยจำนวนเงินที่จ่ายเท่ากันต่อเดือนในช่วงแรกและไม่เสียดอกเบี้ย
ฉะนั้นกับดักของดอกเบี้ย 0% แบบมีเงื่อนไขนี้ ก็คือ โปรโมชั่นไม่เสียดอกเบี้ยถึง 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งส่วนใหญ่จะร่วมรายการกับสินค้าที่มีมูลค่ามาก เพราะมีดอกเบี้ยเยอะ การล่อซื้อด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษนี้ จึงทำมาสำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนดอกเบี้ยจริง ๆ เพียงเพราะไม่ต้องการจ่ายดอกในระยะสั้น และทำให้คุณตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้นได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะคุณยอมที่จะไม่เสียดอกเบี้ยช่วงแรก แต่สุดท้ายเมื่อคุณเลือกเงื่อนไขนี้ ก็เท่ากับว่าคุณจะต้องเสียดอกเบี้ยช่วงหลังไปตลอด จนกว่าจะผ่อนสินค้าหมดนั้นเองค่ะ
วงการรถยนต์ก็มีการดาวน์ 0%
กรณีนี้เกิดขึ้นกับการซื้อรถยนต์เช่นกัน ปกติคุณต้องจ่ายเงินดาวน์จำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงผ่อนชำระในส่วนที่เหลือ แต่ถ้ามีโปรโมชันดาวน์ 0% ขึ้นมาเมื่อไร แปลว่าไม่ต้องมีเงินมาดาวน์ก็สามารถซื้อรถได้ ดังนั้นสิ่งที่จะมีปัญหาตามมาสำหรับ ดาวน์ 0% ก็คือ ยอดเงินผ่อนที่สูงขึ้นหรือระยะเวลาการผ่อนที่นานขึ้น จากการซื้อสินค้าที่ไม่มีเงินดาวน์เลยสักบาท ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณจะมีระยะเวลาในการผ่อนที่นานขึ้น คุณจะต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้น โดยยิ่งนานเท่าไหร่ดอกเบี้ยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
วิธีนี้ถือเป็นกับดักทางการตลาดชั้นยอดของสถาบันทางการเงินเลยก็ว่าได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเน้นจับกลุ่มพนักงานหรือมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการใช้รถ แต่ไม่สามารถวางเงินดาวน์หลักแสนที่เป็นก้อนได้ จึงเลือกใช้วิธีตัดเงินดาวน์ออกไป แล้วเหลือแต่การผ่อนชำระขั้นต้นที่เสียดอกเป็นเวลานาน และหลายคนก็ติดกับและยอมเลือกซื้อสินค้าทางนี้ เพราะคิดว่าการผ่อนต่อเดือนช่วยลดความเสี่ยงในการวางเงินก้อน แต่เปล่าเลยค่ะ เพราะในอนาคตดอกเบี้ยที่คุณเสียไปจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่คุณจะนำไปวางดาวน์เสียอีก
ดังนั้น หากใครที่คิดจะผ่อน 0% ต้องคิดถึงกำลังจ่ายต่อเดือนที่จ่ายไหว จ่ายตรง จนครบงวดชำระด้วยนะคะ แต่ทั้งนี้ถึงแม้คุณจะมีวินัยในการใช้บัตรเครดิตมากแค่ไหน จงพึงระวังไว้ว่า การใช้บัตรเครดิตบ่อย ๆ นั่นทำให้คุณมีความคุ้นชิน และหยิบมันมาใช้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกตัวค่ะ และหากท่านใดอยากจะติดตามบทความ และข่าวสารเกี่ยวกับรถยนต์ การเงิน สินเชื่อ บัตรเครดิต และประกันรถยนต์ ก็สามารถกด Subscribe เพื่อรับสาระความรู้แบบนี้จาก MoneyGuru.co.th ได้เลยค่ะ เราจะส่งตรงถึงอีเมลของคุณทุก ๆ สัปดาห์