ครม. เห็นชอบลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวส่งท้ายปีตลอดเดือน ธ.ค. ไม่เกิน 3 หมื่นบาท

ภาษีท่องเที่ยว

         ครม. เห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี ตั้งแต่ 1-31 ธันวาคม 2559 สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท หากรวมมาตรการเดิมไม่เกิน 3 หมื่นบาท

         วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการกระตุ้นการบริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือ แพ็คเกจของขวัญปีใหม่แก่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เช่น การลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายและการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีผู้ได้ประโยชน์ทางตรงไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน และอาจสูญเสียรายได้จากการหักลดหย่อนภาษี ประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันจะสามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 8,000-9,000 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าระบบเศรษฐกิจจะมีโอกาสขยายตัวร้อยละ 3.4 ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีโอกาสขยายตัวร้อยละ 4-4.5

         ทั้งนี้ ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศตลอดช่วงเดือนธันวาคม ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2559 เป็นเวลา 1 เดือน โดยให้หักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา ประกอบกับก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นหากนำมารวมกันแล้วจะทำให้มีวงเงินหักลดหย่อนได้ถึง 30,000 บาท

         นอกจากนี้มีรายงานว่า ในส่วนของโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ได้มีการเชิญตัวแทนของทั้ง 3 ธนาคารรับรับลงทะเบียนมาซักซ้อมและตรวจทานข้อมูลผู้เข้าลงทะเบียนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ก่อนจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบรายชื่อว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาท และ 3,000 บาท ในวันทีพรุ่งนี้ (30 พฤศจิกายน 2559) ผ่านเว็บไซต์ nationalepayment.go.th และโอนเงินวันแรก 1 ธันวาคม 2559

นายสมชัย กล่าวต่อว่า เรื่องการปรับปรุงระบบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลข้าราชการนั้น จะมีการหารือกับสมาคมบริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย สามารถรับข้อเสนอกระทรวง 3 เรื่อง ซึ่งจะไม่ปรับลดสิทธิสวัสดิการเดิมที่ใช้งบประมาณไม่มากไปกว่าที่เคยจ่ายในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 70,000-1,000 ล้านบาท ณ โดยภาคเอกชนเสนอจัดพื้นที่พิเศษรองรับข้าราชการในสถานพยาบาลโดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีกระแสคัดค้าน จึงมอบหมายกรมบัญชีกลางเชิญกลุ่มองค์กรที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ อาทิ กลุ่มแพทย์, ข้าราชการและบริษัทยา เข้าทำความเข้าใจสัปดาห์หน้า

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก